อัลมอนด์
เป็นถั่วที่มีคุณค่าทางสารอาหารต่อร่างกายสูงกว่าถั่วชนิดอื่น ๆ มาก และยังติด 1 ใน 10 ของสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ คุณค่าทางโภชนาการของถั่วชนิดนี้เทียบกับผักและผลไม้ชนิดอื่น ๆ แล้วคุณจะต้องตกใจ เพราะมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้น และแถมยังมีปริมาณที่มากเสียด้วย ในเมล็ดอัลมอนด์อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ซึ่งช่วยเพิ่มระดับ HDL (High-Density Lipoproteins) หรือไขมันดี และช่วยลดระดับ LDL (Low-Density Lipoproteins) หรือไขมันเลว ผลการวิจัยจากสถาบันชั้นนำทั้งในยุโรปและอเมริกาพบว่า ถ้ารับประทานอัลมอนด์เพียงวันละ 1 หยิบมือ ช่วยลด LDL ได้ถึง 4.4% และถ้ารับประทาน 2 หยิบมือต่อวัน ช่วยลด LDL ได้ถึง 9.4% ทั้ง HDL และ LDL จะเป็นตัวพาคอเลสเตอรอลเคลื่อนที่ไปตามกระแสเลือด หากร่างกายมี LDL หรือไขมันเลวมาก คอเลสเตอรอลจะเคลื่อนที่ลำบาก และจะสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงหัวใจและสมอง ซึ่งถ้ามันไปรวมตัวกับสารอื่น อาจเกิดเป็นลิ่มไขมัน ทำให้หลอดเลือดตีบตัน ขัดขวางการไหลเวียนของกระแสเลือดได้
ประโยชน์ของอัลมอนด์
- อัลมอนด์มีประโยชน์ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- ช่วยในการชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้ดี
- ประโยชน์ของอัลมอนด์ ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย
- ช่วยบำรุงระบบประสาท และช่วยเพิ่มสติปัญญาและสมาธิให้มากขึ้น
- ช่วยในการทำงานของสมอง ช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์
- ช่วยเสริมสร้างเซลล์และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณ เส้นผม เล็บ ฯลฯ
- การรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายได้ถึง 50%
- ในเปลือกอัลมอนด์มีฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่สามารถทำงานร่วมกับวิตามินอี ในการช่วยปกป้องผนังหลอดเลือด จึงทำให้ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ (งานวิจัยจาก Tufts University)
- ช่วยบำรุงและเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้ถึง 30-50% เพราะช่วยในการหลั่งอินซูลินหลังอาหาร ทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดที่เพิ่มขึ้นถูกดูดซึมเก็บไว้ที่ตับและเนื้อเยื่ออื่น ๆ จึงมีผลทำให้สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
- อัลมอนด์ลดน้ําหนักจากงานวิจัยหลายอย่างระบุว่า ผู้ที่รับประทานถั่วหรืออัลมอนด์เป็นประจำ จะมีน้ำหนักตัวลดลงโดยเฉลี่ยมากกว่าผู้ที่ไม่เคยรับประทานถั่ว โดยผู้ที่รับประทานถั่วอัลมอนด์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ร้อยละ 31% พบว่ามีน้ำหนักตัวที่ลดลง ถึงแม้ว่าถั่วอัลมอนด์จะมีไขมันที่สูงมากก็ตาม (บทความจาก WHFoods)
- อัลมอนด์ลดความอ้วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) และลดระดับไขมันเลว (LDL) ในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยงานวิจัยจากสถาบันชั้นนำในอเมริกาและยุโรปพบว่า การรับประทานอัลมอนด์วันละ 1 หยิบมือจะช่วยลดระดับไขมันเลวได้ถึง 4% แต่ถ้ารับประทานวันละ 2 หยิบมือก็จะช่วยลดระดับไขมันเลวได้ 9.4%
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
- ช่วยป้องกันอาการท้องผูก เนื่องจากอัลมอนด์มีเส้นใยอาหารในปริมาณมาก มันจึงช่วยในการขับถ่ายและป้องกันอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคนิ่ว จากฐานข้อมูลจาก Nurses’ Health Study จากผู้หญิงกว่า 80,000 รายแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงที่รับประทานถั่วอย่างน้อย 1 ออนซ์ต่อสัปดาห์จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคนิ่วได้ถึง 25%
- อัลมอนด์เป็นถั่วที่มีโปรตีนสูงมาก ซึ่งมีประโยชน์ในเรื่องของการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างความเจริญเติบโต ให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยรักษาสมดุลของกรดด่างในร่างกาย ฯลฯ
- เมล็ดอัลมอนด์มีโพสแทสเซียมสูง ซึ่งเป็นตัวช่วยในการควบคุมความดันโลหิต
- การรับประทานอัลมอนด์จะช่วยลดการกินจุบจิบ และการรับประทานทุกวันก็จะช่วยระงับความหิวได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นการไดเอ็ตไปด้วยในตัวเลยทีเดียว
- สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องน้ำหนักตัว คุณสามารถรับประทานถั่วอัลมอนด์แทนของหวานหรือขนมขบเคี้ยวในระหว่างวันได้อย่างสบายใจ นอกจากจะไม่ทำให้อ้วนแล้วยังได้คุณค่าจากธรรมชาติไปเต็ม ๆ และยังช่วยลดน้ำหนักไปในตัวด้วย
- นอกจากนี้อัลมอนด์ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะถั่วชนิดนี้อุดมไปด้วยกรดโฟลิกที่จำเป็นอย่างมากสำหรับเด็กทารกในครรภ์
- เมล็ดอัลมอนด์สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่าง เช่น อัลมอนด์อบเกลือ อัลมอนด์อบเนย คุกกี้อัลมอนด์ เค้กอัลมอนด์ น้ำมันอัลมอนด์ ฯลฯ
ประโยชน์ของอัลมอนด์ ถ้าอยากได้รับไปแบบเต็ม ๆ ก็ต้องนำเมล็ดดิบ ๆ ไปแช่น้ำค้างคืนไว้ก่อนแล้วค่อยทาน
นั่นก็เพราะ “อัลมอนด์” เป็นธัญพืชที่มีเยื่อหุ้มหนา ๆ หุ้มอยู่ ดังที่เราเห็นเปลือกสีน้ำตาลนั่นเอง ซึ่งจะมีสาร หรือเอนไซม์หลายชนิดที่ช่วยปกป้องเมล็ดไม่ให้ย่อยสลายด้วยวิธีธรรมชาติก่อนถึงเวลาที่เหมาะสม เช่น ฟิติคเอชิด (Phytic Acid), โพลีฟีนอล (Polyphenol) หรือแทนนิน (Tannin) ซึ่งเอนไซม์ที่อาจส่งผลกระทบกับร่างกายเราได้ก็คือ ฟิติคเอชิด (Phytic Acid) ที่มีความสามารถในการจับแคลเซียม แมกนีเซียม ทองแดง เหล็ก ที่อยู่ในระบบลำเลียงอาหารของเรา ทำให้การดูดซึมจากถั่วเปลือกแข็งไม่มีประสิทธิภาพมากนัก
นี่คือเหตุผลที่เราต้องนำอัลมอนด์ไปแช่น้ำค้างคืนไว้ก่อนทาน เพื่อให้น้ำชะล้างสารเหล่านี้ออกไป อีกทั้งน้ำยังช่วยทำลายกลูเตน และสร้างเอนไซม์ที่มีประโยชน์ ทำให้โปรตีนอยู่ในสภาพพร้อมที่ร่างกายจะย่อยได้ทันที เราจึงจะสามารถรับประโยชน์จากอัลมอนด์ได้เต็มเม็ดเต็มๆ